วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ประสพการณ์ เตรียมลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ครั้งนี้น่าจะเป็น ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เข้ามาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ การมีส่วนในการเตรียมสอบของลูกนะครับ เพราะครั้งนี้ลูกก็โตเป็นวัยรุ่นอายุ 16 17 เรียน ม.ปลาย แล้ว  ความเป็นผู้ใหญ่ ความต้องการส่วนตัว ความคิดส่วนตัว ของลูกนั้น ไม่เหมือนตอนเราดู เราช่วยสมัย ม.ต้น แน่นอน

ตอนนี้เขาอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆของเขามากกว่าเรา พ่อแม่มี บทบาทแค่ จ่ายเงิน กับคอยตามอย่าให้พลาดโอกาสต่างๆที่เข้ามา และช่วยเตือนเรื่อง timing คร่าวๆว่าอะไรควรจะจบเมื่อไร ที่เหลือลูกเขาจัดตารางให้ทันสอบได้เองแล้ว แน่นอนว่าเขาเทียบจากเพื่อนๆนั่นแหละว่าใครไปเรียนอะไรที่ไหน อะไรตัวเองอ่อนอะไรตัวเองแข็ง ถ้าเด็กเขาสู้เขาก็ไล่เรียนตามกันไปไม่ห่างกับเพื่อนนัก ดังนั้น environment ของโรงเรียนกับลักษณะของเพื่อนๆรอบตัวนี้สำคัญมาก ดังนั้นใครจะหาว่าเรา push ลูกให้ไปอยู่โรงเรียนสายแข็ง นี่เราไม่สนใจ เพราะถ้าเพื่อนไม่แข็งขันเรื่องเรียน เชื่อได้เลยว่าลูกเราก็หย่อนตามไปด้วย

 ตอนเข้าไปเป็น ม.4 ก็ถือว่าเป็นช่วงพัก หลังสอบเข้ามาใหม่ๆ  ก็อาศัยเรียนตามเรื่องตามราว แถวสยามสแควร์นี่แหละครับ เลิกเรียนก็เดินมาสยาม เรียนเสร็จ ทุ่มกว่าๆก็ขึ้น BTS กลับบ้านเอง ไม่ได้ตารางเรียนแน่นอะไรมากนัก ม.5 ก็ต้องทำกิจกรรมเทอมแรก เทอมสองเด็กๆก็เริ่มลุยอ่านกันละ  ส่วน พอขึ้น ม.6 นี่ หมดหน้าที่กิจกรรม เตรียมตัวสอบอย่างเดียว เทเกรด ในโรงเรียนด้วย

ลูกผมสายวิทย์ก็ ต้องเน้นคณิตศาสตร์ แล้วค่อยๆตามด้วย ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ  ถ้าสามารถหาครูคณิตเก่งๆได้นี่ก็สบาย ลูกผมเรียนคณิตกับพี่แม๊คที่สยามเป็นหลัก ชีวะครูหมูแดง เคมีครูอุ๊ ครูพลอย จริงๆแล้วลูกมีลงเรียนกับครูหลายคนในแต่ละวิชา รวมถึงพวกที่ ดูหน้าจอ เลือกดูเป็นเรื่องๆที่ไม่เข้าใจด้วยประปราย ส่วนภาษาอังกฤษนั้นบางคนเริ่ม ม.4 ก็ไปเรียนภาษาอังกฤษ เตรียมไว้ด้วยแล้ว ส่วนบางคน ไปเริ่มเรียนอังกฤษกันตอน ม.5 เทอม 2 เรียนยาวไปจนถึงก่อนสอบเข้ากันลืม แล้วแต่ว่าความแข็งแรงของภาษาอังกฤษแต่ละคนเป็นอย่างไร  สัดส่วนคะแนน คณิต กับ อังกฤษ ในการสอบเข้าค่อนข้างสูง เลยต้องทำสองวิชานี้ให้ดีมากๆ ส่วน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คะแนนมันรวมๆกัน และ ไปรวมกับคะแนนวิชาความถนัดที่แยกสอบไปตามสาขาอีก ทำให้ดีหมดได้นี่ก็เยี่ยมเลย

บรรยากาศก่อนการสอบ สองสามเดือน นี่ถือว่าเด็กเครียดมากๆ นะครับ จะมีหงุดหงิดมีวีนใส่พ่อแม่เป็นเรื่องปกติ อะไรเราปล่อยผ่านได้ก็ปล่อย อะไรเกินไปก็ยังต้องเตือนตำหนิอยู่ ส่วนใหญ่ก็ปล่อยผ่าน อาหารการกิน ขนมดีๆ ช่วยลดความเครียดได้  บางคนยังไปเที่ยว แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมไปไหนกันแล้ว

สอบ ผมพึ่งรู้ว่า เดี๋ยวนี้ มีสอบ กสพท. สอบ GAT PAT สอบ 9 วิชาสามัญ
ในวันสอบ ก็แล้วแต่ว่าเขาอยากให้เราไปเป็นกำลังใจให้หรือเปล่า  บางคนไม่อยากให้พ่อแม่มาเพราะรู้สึกกดดัน บางคนอยากให้มานั่งเป็นกำลังใจ มาเตรียมอาหารไว้ให้ช่วงเบรคกลางวันรอสอบ ก็แล้วแต่คนไป

สอบเสร็จก็ เหมือนจะชิลด์ แต่ดูจากอาการแล้วลึกๆเครียดอยู่ คะแนนสอบทยอยออกมาแต่ละ part สมหวังผิดหวังบ้าง เพราะไม่มีใคร perfect ทุก part - จังหวะนี้ก็พ่อแม่ มีต้องปลอบกันนะครับ - พอรู้คะแนนรวมแล้วว่าจะยื่น คณะอะไร มหาวิทยาลัยใด   ยื่นคณะที่ต้องการเข้าระบบ TCAS มาลุ้นกันรอบสุดท้ายว่าจะได้ หรือไม่ได้ ตามที่หวัง

การเลือกยื่นนี้ก็จะมีสถิติคะแนนของปีก่อนๆเอามาเทียบเคียง พ่อแม่ก็จะเข้ากลุ่ม LINE หาคะแนนกันว่า น่าจะได้ที่ไหน ที่ผ่านๆมาก็คะแนนเชื่อถือได้  แต่ปี 63 คะแนนของแต่ละคณะมันสูงขึ้น เขาคิดกันว่าอาจจะเป็นเพราะปี 63 นี้เด็กที่ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ ไม่สามารถไปได้เนื่องจาก COVID-19 เลยมาลงเลือกคณะในประเทศด้วย พวกนี้เด็กหัวกะทิ คะแนนเลยพุ่งกระฉูด จนวันประกาศผลเด็กบางคนตกใจเพราะหลุดจากอันดับที่คิดว่าได้แน่ไปเป็นตัวเลือกปิดท้าย ถึงกับต้องออกไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด

สำหรับลูกผม ก็หลุดจากคณะที่มั่นใจอยากได้ไปหนึ่งอันดับ ยังได้เรียนหมอในเขตกรุงเทพครับ